Thursday, November 15, 2007

วัชระ

วัชระ แปลว่าสายฟ้า และมีความหมายอีกประการคือ เพชร เป็นนัยแห่งความหมายร่วมกันคือความแข็งแกร่ง และทรงพลัง ในการตัดทำลายสิ่งต่างๆ

ทำไมต้อง สายฟ้า
ผู้คนแต่โบราณในทุกวัฒนธรรม ล้วนเป็นกลุ่มชนที่ยำเกรงอำนาจของธรรมชาติทั้งสิ้น ฟ้า ฝน ลม เป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของผู้คนสมัยนั้น การนับถือเจ้าแม่ และเจ้าพ่อแห่งธรรมชาติ ปรากฏในวัฒนธรรมทั้งอียิปต์ กรีก จีนและอินเดีย
ผู้คนสังคมเกษตรกรรมต้องพึ่งฟ้าฝน บางทีฟ้าก็ให้น้ำท่าสมบูรณ์ด้วยความเมตตา บางทีฟ้าก็พิโรธให้เกิดความแล้ง หรืออุทกภัย
แสงแห่งสายฟ้านั้นมาเมื่อมีฝน ความสว่างและเสียงอันกึกก้องนั้น น่าเกรงขาม แต่ใครคือผู้บันดาลสิ่งนี้

ซุส,อินทร,วัชรปาณิ เทพเจ้าแห่งสายฟ้า
ชาติอารยันนั้นเป็นบรรพบุรุษแห่งชาวกรีก เปอร์เซีย และอินเดีย ในกรีกนั้น ซุสเป็นมหาเทพผู้ทรงสยฟ้า ส่วนในอินเดียนั้น พระอินทร์คือเทพสูงสุดแห่งยุคพระเวท(ก่อนที่พระศิวะ พระนารายณ์จะ มาแทนที่) และก็ทรงสายฟ้าเช่นกัน




โปรดสังเกตสายฟ้าในพระหัตถ์ของซุส คือการจับเอาสายฟ้ามากำรวมกัน

เมื่อช่างกรีกได้ตามทัพพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มาอินเดีย ช่างฝีมือชาวกรีกในอินเดียเหล่านี้เป็นผู้สลักพระพุทธรูปขึ้นเป็นชาติแรก แน่นอนว่าช่างเหล่านี้เคยเห็นรูปของซุสที่กรีกมาก่อนแล้ว "สายฟ้า"ในดินแดนอินเดียจึงรับเอารูปจินตนาการมาจากกรีกนั่นเอง

พระพุทธรูปสลักหินศิลปะสมัยคันธาระ(พุทธศตวรรษที่7) คือศิลปะกรีกในอินเดีย ขวาของภาพคือพระโพธิสัตว์วัชระปาณิ ซึ่งแผลงมาจากพระอินทร์เดิมโดยแท้ สังเกตวัชระในพระหตถ์ซ้ายเป็นวัชระแบบกิ่งเดียว


รูปพระอินทร์ที่โสมนาถปุระ ราว พุทธศตวรรษที่17 ทรงวัชระในพระหัตถ์ขวา

รูปวัชระนี้มีขนาดเล็กลงในศิลปะทิเบต กลายเป็นของในพิธีที่สามารถถือในมือได้สะดวก ไม่เหมือนกับดั้งเดิมในกรีก หรืออินเดียที่ดูเป็นอาวุธขนาดใหญ่

วัชระและระฆัง(ฆัณฏะ)ของทิเบต


วัชระในนิกายชิงงอน(มนตรยาน)ของญี่ปุ่น

ในพุทธศาสนาวัชรยาน วัชรยังคงแสดงความหมายของการตัดทำลายกิเลสอย่างทรงพลัง หมายถึงการตรัสรู้อย่างฉับพลัน สัญลักษณ์ของอุบายหรือการปฏิบัติอันเป็นสัญลักษณ์ของชาย คู่กับระฆังหรือฆัณฏะ สัญลักษณ์แห่งปัญญาและฝ่ายหญิง

No comments: